734 จำนวนผู้เข้าชม |
ตามการอ้างอิงข้อมูลที่ได้จากโซลาร์ฟินแลนด์ พบว่าแผงโซลาร์โมโนคริสตัลไลน์สามารถเอาชนะแผงโพลีคริสตัลไลน์ในด้านความสามารถการผลิตกระแสไฟ โดยทั้งสองชนิดได้รับการทดสอบเป็นระยะเวลายาวนานในสภาวะทางธรรมชาติที่คล้ายกัน
ซาโลเทค (Salo Tech) ผู้ผลิตแผงโซลาร์แบรนด์ซาโล (SALO®) หนึ่งในเครือของบริษัท โซลาร์ฟินแลนด์ วางเป้าหมายที่จะกำหนดมาตรฐานด้านความสามารถและความทนทานของแผงโซลาร์ในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ แผงโซลาร์ SALO® ของซาโลเทคผลิตขึ้นจากเซลล์ชนิดโมโนคริสตัลไลน์ ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีที่มีพลังและแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม อ่าน แผงโซลาร์ชนิดโมโนคริสตัลไลน์ - พลังงานแสงอาทิตย์ที่รับผิดชอบต่อสังคมมากกว่า จากการทดสอบแผงของบริษัทพบว่าเซลล์โมโนคริสตัลไลน์สามารถผลิตกระแสไฟได้มากกว่าเซลล์ชนิดโพลีคริสตัลไลน์
Esa Areva ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโซลาร์ ฟินแลนด์กล่าวว่า “ในฐานะผู้ผลิตแผงโซลาร์ เราต้องการสร้างความมั่นใจในสิ่งที่เราพูดถึง นี่คือเหตุผลที่เราทำการทดสอบและเปรียบเทียบชนิดของแผงต่างๆมาเป็นระยะเวลานาน คนส่วนใหญ่เชื่อว่าแผงโพลีคริสตัลไลน์โดยทั่วไปสามารถจับแสงที่มาจากหลายมุมได้ดีกว่า จึงนิยมติดตั้งในสถานที่ที่ไม่สามารถหามุมหรือทิศทางที่ดีในการติดตั้งได้ อย่างไรก็ตามผลการทดสอบเปรียบเทียบปี 2563 ในแต่ละเดือนพบว่าแผงโมโนคริสตัลไลน์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้าในแง่ของประสิทธิภาพการผลิตกระแสไฟฟ้า”
การเปรียบเทียบดังกล่าวได้ใช้แผงโมโนและโพลีคริสตัลไลน์จำนวนหลายแผงที่มีค่าพลังงานสูงสุดระดับเดียวกัน พบว่าในช่วงเวลา 7 เดือนจาก 12 เดือน แผงโมโนสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแผงโพลี ในขณะเดียวกันค่ากำลังวัตต์ที่ได้ทั้งปีก็ยังสูงกว่าอีกด้วย (โมโนคริสตัลไลน์ 1,280 kWp และ โพลีคริสตัลไลน์ 1,274 kWp) เนื่องจากซิลิคอนโมโนคริสตัลไลน์ที่ใช้ในแผงโซลาร์ SALO® ช่วยให้ประจุอิเล็คตรอนเคลื่อนที่ภายในได้อย่างอิสระ ดังนั้นจึงให้ประสิทธิภาพดีกว่าโพลีคริสตัลไลน์ที่อิเล็คตรอนเคลื่อนที่ได้อย่างจำกัดอันเป็นผลมาจากโครงสร้างผลึกที่แตกต่างกัน แผง SALO® ยังได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีกระจกโซลาร์ที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยหันเหแสงไปที่เซลล์โดยตรงอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้แผงโซลาร์ทำงานได้ดีแม้ในสภาวะอากาศที่หลากหลาย
Esa ยังกล่าวอีกว่า ลูกค้ามักจะพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายเมื่อวางแผนติดตั้งระบบโซลาร์ ถึงแม้แผงโมโนคริสตัลไลน์จะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังเลือกใช้เนื่องจากมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบในขนาดที่เท่ากัน แถมยังลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเนื่องจากใช้จำนวนแผงน้อยกว่า เนื้อที่น้อยกว่า และโครงสร้างติดตั้งก็น้อยกว่า อายุการใช้งานของระบบก็ยาวนานอยู่ที่ประมาณ 20-30 ปี ดังนั้นถือเป็นทางเลือกที่ฉลาดในการลงทุนเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ๆเพื่ออนาคตที่สามารถให้พลังงานมากกว่า และการดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก
“สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้คือความรับผิดชอบต่อสังคมในการผลิตแผงโมโนคริสตัลไลน์ ซึ่งค่า Carbon Footprint ในการผลิตแผง SALO® ต่ำกว่าแผงที่นำเข้ามาจำหน่ายและติดตั้งในประเทศอีกด้วย” Esa กล่าวปิดท้าย
อ้างอิง SALO TECH , Yleinen